ชมรมสายสกุล ณ สงขลา
39·ซอยสวรรค์วิถี·ถนนสุทธิสารวินิจฉัย·แขวงสามเสนนอก
เขตห้วยขวาง·กรุงเทพฯ 10320
โทร 0-2274-7619·โทรสาร·0-2693-4879

1 พฤศจิกายน 2556

เรียน·ญาติ ณ สงขลาทุกสายสกุลที่รักและเคารพทุกท่าน

หนังสือเวียนฉบับที่ 6 ประจำปี 2556 มีข่าวคราวที่จะเรียนให้ญาติๆ ทราบดังนี้

1.             วันที่  24 ตุลาคม 2556 เวลา  19.30 น. เป็นวันแห่งความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่และนำความโศกเศร้ามาสู่วงการสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เมื่อสมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  ประมุขแห่งสงฆ์ไทย สิ้นพระชนม์  ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  สภากาชาดไทย  ด้วยพระชนมายุ 100 พรรษา  ซึ่งนับได้ว่าทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราช ของไทยที่มีพระชนมายุยืนยาวที่สุด  และที่สำคัญทรงดำรงสมณศักดิ์สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก  เป็นเวลานานถึง 24  ปี ถือได้ว่ายาวนานที่สุดเมื่อเทียบกับสมเด็จพระสังฆราชทุกพระองค์ในอดีตที่ผ่านมา

ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ทรงดำรงอยู่อย่างเรียบง่าย  มักน้อยและสันโดษ  แม้ที่อยู่อาศัยก็ไม่โปรดให้ประดับตกแต่ง  แต่ทรงเคร่งครัดในพระธรรมวินัย  เช่น  ทรงเป็นผู้สงบนิ่ง  พูดน้อย  ไม่ว่าประทับในที่ใด  ทรงอยู่ในอาการสำรวมเสมอ  เป็นต้น  จากการที่พระองค์ทรงดำรงอยู่ในสมณเพศมาโดยตลอด  ทำให้ทรงมีเวลาที่จะสร้างคุณูปการแก่วงการสงฆ์และพุทธศาสนิกชนได้เป็นอย่างมาก   รวมทั้งทรงใฝ่รู้ใฝ่เรียนมาตั้งแต่ทรงเป็นพระเปรียญ  โดยเฉพาะด้านภาษาอังกฤษและภาษาต่างๆ   จึงทรงมีผลงานพระนิพนธ์ไว้ไม่น้อยกว่า  150  เรื่อง  เช่น  เถรธรรมกถา  โลก-เหนือโลก  โอวาทวันลาสิกขา  การศึกษาเพื่อความเป็นคนที่สมบูรณ์  ความสุขที่หาได้ไม่ยาก  ความสุขอันไพบูลย์ จตุธรรมสำคัญ  พระพุทธศาสนากับสังคมไทย  วิธีสร้างบุญบารมี สัมมาฑิฏฐิ  อาหุเนยโย  Forty – Five Years of The Buddha  เป็นต้น  นอกจากนี้ยังทรงสั่งสอนพระพุทธศาสนาให้แก่ชาวไทยและชาวต่างประเทศ  ทรงริเริ่มให้มีสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศขึ้นเป็นครั้งแรก  เคยเสด็จไปเป็นประธานสงฆ์ในพิธีเปิดวัดไทยแห่งแรกในยุโรป  ที่ประเทศอังกฤษ  ทรงนำพระพุทธศาสนาเถรวาทไปสู่ออสเตรเลียเป็นครั้งแรก  ทรงช่วยฟื้นฟูพระพุทธศาสนาเถรวาทในประเทศเนปาล   ทรงเป็นพระประมุขแห่งศาสนจักรพระองค์แรกที่ได้รับทูลเชิญให้เสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ  ต่อมารัฐบาลเมียนมาร์ได้ทูลถวายตำแหน่ง  “อภิธชมหารัฐคุรุ” อันเป็นสมณศักดิ์สูงสุดแห่งคณะสงฆ์เมียนมาร์ให้แก่พระองค์   ครั้นเมื่อถึงการประชุมสุดยอดผู้นำชาวพุทธโลกจาก 32  ประเทศ  เมื่อวันที่  1 กันยายน  2555  ที่ประชุมได้มีมติทูลถวายตำแหน่ง  “ผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา” นับเป็นเกียรติยศอันสูงสุดที่คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนทั่วโลกยกย่องพระองค์

ด้วยพระปรีชาสามารถดังกล่าวมา   ส่งผลให้คำสอนของพระองค์มีคุณค่ามหาศาล  โดยจะขอยกตัวอย่างมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจดังนี้   “ถ้าคนเรามีความอยากจะได้วิชา  ก็ตั้งใจพากเพียรเรียน  มีความอยากจะได้ทรัพย์  ยศ  ก็ตั้งใจเพียรทำงานให้ดี  ตามกำลัง  ตามทางที่สมควร  ดังนี้แล้วก็ใช้ได้  แปลว่าปฏิบัติมรรคมีองค์แปดในทางโลก  และก็อยู่ในทางธรรมด้วย” ทั้งหมดนี้เป็นพระจริยวัตรและปฏิปทาของพระองค์   ซึ่งเป็นที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง   ควรแก่การยึดถือและน้อมนำไปปฏิบัติจนกว่าชีวิตจะหาไม่  เพื่อความสุขที่แท้จริงในชีวิตของเราเอง

ในโอกาสนี้   พวกเราขอแสดงความอาลัยถวายแด่  สมเด็จพระญาณสังวร  สมเด็จพระสังฆราช  สกลมหาสังฆปริณายก

ข้าพระพุทธเจ้า ตระกูล ณ สงขลา  และญาติ  ณ  สงขลาทุกสายสกุล 

 

2.             สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิง  ศาสตราจารย์วิรัช  ณ  สงขลา ณ เมรุวัดเทพศิรินทราวาส เมื่อวันอาทิตย์ที่  13  ตุลาคม  พ.ศ.2556 เวลา  17.00 น.  ในการนี้  ได้มีญาติ ณ สงขลาไปร่วมงานหลายท่าน   ศ.วิรัช ดำรงตำแหน่งประธานตระกูล  ณ  สงขลามาเป็นเวลานาน  รวมทั้งเคยเป็นประธานจัดงานรวมญาติ  ณ  สงขลาทุกสายสกุลครั้งที่  9  ประจำปี  พ.ศ.2536  ซึ่งจัดขึ้นที่ราชกรีฑาสโมสร  กรุงเทพมหานคร   และนับเป็นครั้งแรกที่มีญาติ  ณ  สงขลาทุกสายสกุลเข้าร่วมงานด้วย  คุณอาวิรัชเป็นผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี  รักญาติ  ณ  สงขลาและตระกูล  ณ  สงขลาเป็นอย่างมาก  โดยเฉพาะลูกๆ หลานๆ ในสกุล ณ สงขลา  ท่านได้ให้คำแนะนำสั่งสอนเป็นอย่างดี  รวมทั้งได้ทำนุบำรุงเกื้อกูลตระกูล ณ สงขลามาโดยตลอด

ผมเองถือว่าโชคดีที่ได้เป็นประธานกรรมการบริหารชมรมสายสกุล ณ สงขลา  ในยุคที่มีท่านเป็นประธานตระกูลและประธานที่ปรึกษาชมรมฯ  ทำให้ผมได้เรียนรู้วิธีการทำงานและได้รับความเมตตาจากท่านด้วยคำแนะนำ  สั่งสอน  ว่ากล่าว  ตักเตือน  มากมายหลายประการ    จนทำให้ผมสามารถนำมาใช้ในการทำงานให้ตระกูลและงานประจำของผมได้เป็นอย่างดี  ดังนั้น การจากไปของคุณอาวิรัช จึงนับได้ว่าเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของตระกูล ณ สงขลาและญาติ ณ สงขลาทุกคน   ผมในนามตระกูล ณ สงขลา ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์  รวมทั้งผลบุญกุศลที่คุณอาได้ทำไว้  จงนำคุณอาไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ

3.             กิจกรรมเฉลิมฉลอง  100 ปีพระราชทานนามสกุล  ณ สงขลาอีกกิจกรรมหนึ่ง  คือการปลูกต้นไม้  100 ต้น  ประกอบกับวันที่  21 ตุลาคม ของทุกปี  เป็น  “วันรักต้นไม้ประจำปีแห่งชาติ” ซึ่งเป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ที่มีพระราชปณิธานอันแรงกล้าที่จะฟื้นฟูความสมดุลของธรรมชาติ  โดยทรงปลูกและบำรุงรักษาต้นไม้ด้วยพระองค์เองมาตลอดพระชนม์ชีพ  คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเมื่อวันที่  15  ตุลาคม 2533 ให้วันที่  21  ตุลาคมของทุกปีเป็น  “วันรักต้นไม้ประจำปีแห่งชาติ” เพื่อถวายเป็นราชสักการะ และแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณ  แด่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี

ดังนั้น  เมื่อวันที่  23 ตุลาคม  2556  ญาติ  ณ  สงขลาทุกสายสกุลกลุ่มหนึ่งประมาณ  30  คน  นำโดยเจ้าศรีรัตน์  ณ  ลำปาง ได้เดินทางไปปลูกต้นลาน  ณ  อุทยานแห่งชาติทับลาน ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ  คือมีเนื้อที่ประมาณ  1,397,375 ไร่ หรือ  2,235.80 ตารางกิโลเมตร  ครอบคลุมท้องที่อำเภอปักธงชัย  อำเภอวังน้ำเขียว  อำเภอครบุรี  อำเภอเสิงสาง  จังหวัดนครราชสีมา  และอำเภอนาดี  จังหวัดปราจีนบุรี    และปกคลุมไปด้วยผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์  โดยเฉพาะอย่างยิ่งป่าลาน   ที่มีต้นลานขึ้นตามธรรมชาติ   ทำให้เป็นภาพที่หาดูได้ยาก  รวมทั้งยังเป็นแหล่งกำเนิดของแม่น้ำ  ลำธารต่างๆ  และธรรมชาติที่สวยงาม  เช่น  หุบผา  หน้าผา  น้ำตก  เป็นต้น    การปลูกป่าครั้งนี้   พวกเราได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดีจากคุณสังวาลย์  แสงสวัสดิ์  ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานฯ  และคุณอกนิษฐ์  ปิ่นทอง  เจ้าหน้าที่อุทยานฯ   รวมทั้งได้บรรยายสรุปให้พวกเราฟังเกี่ยวกับความเป็นมา  แหล่งท่องเที่ยว  และสภาพป่าของอุทยานฯ  ซึ่งทำให้พวกเรารักป่ามากยิ่งขึ้น

หลังการบรรยายสรุป  เจ้าหน้าที่ได้นำพวกเราไปปลูกต้นไม้จำนวน  100 ต้น  โดยมีการปลูกต้นไม้แทนญาติ  ณ  สงขลาที่บริจาคเงินแต่ไม่ได้ร่วมเดินทางไปด้วย  หลังจากปลูกต้นไม้แล้ว  ทุกคนรับประทานอาหารร่วมกัน  หลังจากนั้น  ได้ร่ำลาท่านผู้ช่วยฯ  เพื่อเดินทางกลับ  แต่ท่านแนะนำว่า  พวกเราควรจะแวะชมฟาร์มเห็ด ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่และมีผลผลิตหลากหลายชนิดที่น่าสนใจ  รวมทั้งควรแวะผาเก็บตะวัน  ซึ่งอยู่บนเส้นทางกลับของเรา  เพื่อทำการยิงเม็ดมะค่าจากหน้าผา  ให้ตกไปยังพื้นล่างเพื่อจะได้แตกหน่อเป็นต้นมะค่าต่อไป   พวกเราจึงได้ทำตามคำแนะนำและเดินทางกลับกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ

กิจกรรมปลูกป่าในโอกาส  100 ปีพระราชทานนามสกุล  ณ  สงขลา  และเนื่องใน  “ในวันรักต้นไม้ประจำปีแห่งชาตินี้” นี้  ได้รับการสนับสนุนจากญาติๆ  ด้วยการบริจาคเงินช่วยเหลือ  ดังนี้

รายละ  1,000 บาท  ได้แก่  เจ้าศรีรัตน์  ณ  ลำปาง  ดร.ม.ล.ปริยา  นวรัตน์  คุณลักษมี  กิระวานิช  คุณมัณฑนา  เชิดวิศวพันธ์  คุณอรชร  พูลทรัพย์  คุณจุมพล  ณ  สงขลา  คุณกรรณิกา  โพธิคำ คุณมยุรี  เลื่อนราม  คุณเฉลิม  เลื่อนราม  คุณชัยยุทธ  ณ  สงขลา  คุณเวคิน  สุวรรณคีรี  คุณสุมาลี  สุวรรณคีรี  คุณพัชรินทร์  ณ สงขลา  คุณยุวดี  หงส์ภู่   คุณชัชวัสส์  ณ สงขลา  คุณอรวรรณ  ณ  สงขลา  คุณณัฐ  จารุจินดา  ร.ต.ท.ยงยุทธ  ณ  สงขลา  คุณภารดี  กิระวานิช  คุณวชิราภรณ์  กิระวานิช  คุณทรงธรรม ณ สงขลา

รายละ  500 บาท  ได้แก่  คุณประภา  ณ  สงขลา  คุณโกสิทธ์  ณ  สงขลา

บริจาคเป็นครอบครัว  ได้แก่   คุณสายทอง  ณ สงขลาและครอบครัว  4,000 บาท  คุณจุฑามาศ ณ สงขลาและครอบครัว 3,500 บาท  คุณธัญรัชฎ์  ณ  สงขลาและครอบครัว  3,000  บาท  คุณศุพัศไฉน  อัมพุประภาและครอบครัว 2,000 บาท  คุณอาภรณ์  ณ สงขลาและครอบครัว  1,500 บาท

รวมเงินบริจาคทั้งสิ้น   36,000 บาท

รายจ่ายมีดังนี้       

ค่าเช่ารถบัส                      12,000    บาท

ค่าอาหารกลางวัน               3,600     บาท

ค่าต้นไม้                             3,000     บาท

สวัสดิการอุทยานฯ             3,500     บาท

ค่าเครื่องดื่ม                        1,200     บาท

รางวัลคนขับรถ                  1,000     บาท

แผ่นป้าย                               400      บาท

รวมค่าใช้จ่าย                    24,700     บาท

เงินบริจาคหลังหักค่าใช้จ่าย  นำเข้าสมทบกองทุนตระกูล  ณ  สงขลา   11,300   บาท

4.             กิจกรรมเฉลิมฉลอง  100 ปีพระราชทานนามสกุล ณ สงขลา อีกกิจกรรมหนึ่ง  ก็คือ  การแข่งขันโบว์ลิ่งการกุศล ชิงถ้วยเกียรติยศ  เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ  (จิตร  ณ  สงขลา) โดยมี  ดร. ไตรรงค์  สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการแข่งขัน  วัตถุประสงค์ ก็เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง  100 ปีพระราขทานนามสกุล และเพื่อหารายได้สมทบกองทุนตระกูล ณ สงขลา  ที่จะนำไปบูรณะโบราณสถานในจังหวัดสงขลา  และเป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี  แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ของโรงเรียนในกรุงเทพมหานครและจังหวัดสงขลา  รวมทั้งเพื่อสร้างความสามัคคีและออกกำลังกายเพื่อเป็นการพักผ่อนในหมู่ญาติของสกุล ณ สงขลาทุกสายสกุลอีกด้วย

การแข่งขันครั้งนี้จะจัดขึ้นในวันที่  1 ธันวาคม  2556  เวลา  10.00- 14.00 น. ณ  DHL  BLU-O  RHYTHM & BOWL ศูนย์การค้าสยามพารากอน   นอกจากถ้วยเกียรติยศของ  เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ  (จิตร  ณ  สงขลา) แล้วยังมีถ้วยเกียรติยศของ    ดร.ไตรรงค์  สุวรรณคีรี  คุณสายจิตร  กฤษณามระ  เจ้าศรีรัตน์  ณ  ลำปาง  พลเอกปานเทพ   ภูวนารถนุรักษ์  พลตำรวจเอกสุนทร   ซ้ายขวัญ  และคุณอรรคพล  สรสุชาติ ซึ่งล้วนเป็นญาติผู้ใหญ่ของตระกูล ณ สงขลาทั้งสิ้น  ส่วนกรรมการจัดการแข่งขันที่เป็นกำลังหลักสำคัญในครั้งนี้  คือคุณวิภาดา  โทณวณิก   คุณณัฐ  จารุจินดา  และคุณธัญรัชฎ์  ณ สงขลา ซึ่งผมขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผมขอถือโอกาสนี้  เรียนเชิญญาติๆ  ณ  สงขลาทุกสายสกุล  ได้โปรดส่งทีมเข้าร่วมแข่งขันด้วย  โดยแบ่งออกเป็นทีมกิตติมศักดิ์และทีมทั่วไป   สำหรับทีมกิตติมศักดิ์คือทีมที่บริจาคเงิน  10,000 บาท  ส่วนทีมทั่วไปคือทีมที่บริจาคเงิน  3,000 บาท  ซึ่งทีมกิตติมศักดิ์เท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ชิงถ้วยเกียรติยศเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศและถ้วยอื่นๆ  ส่วนทีมทั่วไปมีสิทธิ์ชิงถ้วยเกียรติยศของท่านอื่นๆ เท่านั้น   รายละเอียดต่างๆ กรุณาศึกษาจากใบสมัครที่แนบมาพร้อมนี้

สุดท้ายนี้  ผมใคร่ขอความร่วมมือจากญาติๆ  ณ สงขลาทุกสายสกุล  ให้ช่วยสนับสนุนกิจกรรมโบว์ลิ่งการกุศลของตระกูล  ณ สงขลาด้วย  เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่ญาติ  และเพื่อนำรายได้ที่เหลือจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว  ไปทำบุญต่อไป  ไม่ว่าจะเป็นการทำนุบำรุงโบราณสถานของตระกูลที่บรรพบุรุษของเราได้สร้างให้แก่เมืองสงขลา  หรือจะเป็นการให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่มีความประพฤติดี  แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ก็ตาม  ล้วนเป็นผลบุญกุศลแก่พวกเราและสร้างชื่อเสียงแก่ตระกูล  ณ สงขลาอย่างแท้จริงครับ

ด้วยความรักและเคารพ 

เวคิน  สุวรรณคีรี 

ประธานกรรมการบริหารชมรมสายสกุล ณ สงขลา.


Back to Top