ชมรมสายสกุล ณ สงขลา
39·ซอยสวรรค์วิถี·ถนนสุทธิสารวินิจฉัย·แขวงสามเสนนอก
เขตห้วยขวาง·กรุงเทพฯ 10320
โทร 0-2274-7619·โทรสาร·0-2693-4879
12 สิงหาคม 2556
เรียน·ญาติ ณ สงขลาทุกสายสกุลที่รักและเคารพทุกท่าน
หนังสือเวียนฉบับที่ 5 ประจำปี 2556 มีข่าวคราวที่จะเรียนให้ญาติๆ ทราบดังนี้
1. บทอาศิรวาท ในศุภวาระมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2556
สรวมเดช พระไตร รัตนะเลิศ ก่อให้เกิด กุศลการ
ทั้งเทพ สถิต ทิพะสถาน และพระสยามฯ ที่ไทยมี
โปรดมา อนุ – กุละพิทักษ์ บริรักษ์ พระราชินี
ให้ทรงเกษม และเปรมปรีดิ์ นิรทุกข์ ลุสุขเทอญ
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ข้าพระพุทธเจ้า ตระกูล ณ สงขลาทุกสายสกุล
(เวคิน สุวรรณคีรี ร้อยกรอง)
2. การทำบุญในโอกาสครบ 100 ปีวันพระราชทานนามสกุล ณ สงขลา ด้วยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชการที่ 6 พระราชทานนามสกุล “ณ สงขลา” แก่พระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (ฑิตย์) เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2456 ครั้นนับถึง 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ปีนี้ ก็ครบ 100 ปีพอดี แต่เนื่องจากวันที่ 29 มิถุนายนตรงกับวันเสาร์ ญาติๆ หลายท่านไม่สะดวกที่จะมาทำบุญ เพราะบางท่านต้องทำงานในวันเสาร์ ชมรมสายสกุล ณ สงขลา จึงได้เลื่อนการทำบุญเป็นวันที่ 30 มิถุนายน ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ ทำให้ทุกท่านสะดวกและการจราจรไม่ติดขัด จึงมีญาติๆ ณ สงขลาทุกสายสกุลมาร่วมทำบุญประมาณ 80 คน โดยจัดขึ้น ณ วัดสุทธิวราราม กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นวัดที่มีความผูกพันกับตระกูล ณ สงขลามาเป็นเวลา 100 กว่าปีแล้ว เพราะเมื่อดูจากประวัติของวัดพบว่า
วัดสุทธิวรารามเดิมเรียกกันว่า “วัดลาว” เพราะเป็นวัดของหมู่บ้านชาวเวียงจันทร์ที่อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่หลังวัดตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ครั้งเจ้าอนุวงศ์เป็นขบถ และเรียกว่าวัดลาวเรื่อยมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เกิดเพลิงไหม้วัดทั้งหมด ทำให้กลายเป็นวัดร้าง จึงได้มีการย้ายวัดไปสร้างใหม่ที่บริเวณเดิมเคยเป็นป่าช้าของวัด ห่างจากแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางทิศตะวันออก (ติดถนนเจริญกรุงฝั่งตะวันออก) ซึ่งก็คือที่ตั้งของวัดสุทธิวรารามในปัจจุบันนี้นี่เอง แต่ก็ยังคงเรียกว่าวัดลาวต่อมา จนถึงปี พ.ศ. 2424 ท่านผู้หญิงสุทธิ์ ภรรยาเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) เจ้าเมืองสงขลาคนที่ 6 ในสกุล ณ สงขลา ได้เข้ามาบูรณะวัดลาว โดยสร้างอุโบสถหลังใหม่ (หมายถึงอุโบสถหลังเดิมของวัดในปัจจุบัน) ขึ้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสุทธิวราราม” ตามนามของท่านผู้หญิงสุทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ปฏิสังขรณ์วัด ดังข้อความตามแผ่นศิลาจารึกในพระอุโบสถวัดสุทธิวรารามตอนหนึ่งที่ว่า “…….วัดนี้เดิมท่านผู้หญิงสุทธิ์ ภรรยาเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ได้สร้างขึ้น แล้วบริบูรณ์แต่ที่รัตนโกสินทร์ศก 100 ตรงกับปีมะเส็ง จุลศักราช 1243 และได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามวัดสุทธิวราราม..........”
หลังจากท่านผู้หญิงสุทธิ์ได้บูรณะวัดสุทธิวรารามแล้วเป็นเวลา 18 ปี วัดได้เสื่อมโทรมลงมาก ท่านปั้น หรือนางอุปการโกษากร (ปั้น ณ สงขลา วัชราภัย) จึงเข้าปฏิสังขรณ์วัดจนบริบูรณ์อีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2442 ดังปรากฏหลักฐานตามแผ่นศิลาจารึกในโบสถ์วัดสุทธิวรารามอีกตอนหนึ่งว่า “........ครั้นล่วงมาได้ 18 ปี วัดนี้ทรุดโทรมลง ปั้น บุตรเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ท่านผู้หญิงสุทธิ์ มีกะตัญญูระฦกถึงคุณบิดามารดาแลซึ่งเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ได้ปฏิสังขรณ์ก่อสร้างขึ้นแล้วบริบูรณ์ในปีรัตนโกสินทร์ศก 118 ตรงกับปีกุญ จุลศักราช 1263 ข้าพเจ้าขอแผ่กุศลให้กับท่านผู้สร้างเดิมซึ่งกล่าวนามมาแล้วข้างต้น แลท่านผู้ที่ได้ช่วยข้าพเจ้าปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ด้วย........”
ท่านปั้น เป็น ผู้อุปถัมภ์ วัดสุทธิวรารามต่อจากมารดาของท่านเรื่อยมา โดยได้รับการแต่งตั้งให้เป็น มรรคนายิกาวัดสุทธิวราราม มาตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2445 ในระหว่างที่รับหน้าที่เป็นมรรคนายิกาวัดสุทธิวราราม ก็ได้เอาใจใส่ในการทำนุบำรุงวัดอยู่เสมอมิได้ขาด ดังจะเห็นได้จากหลักฐานในราชกิจจานุเบกษา (เล่ม 25 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 127 หน้า 116) ที่ปรากฏว่าท่านปั้นเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์และจัดเก็บรายได้ให้วัดสุทธิวรารามเป็นอย่างดี รวมทั้งทำรายงานเสนอต่อกระทรวงธรรมการทุกๆ ปี ต่อมาในวันที่ 4 เมษายน พ.ศ.2451 ท่านปั้นถึงแก่กรรมลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พระศิริศาสตร์ประสิทธิ์ (สุหร่าย วัชราภัย) บุตรชายคนโตของท่านปั้น ดำรงตำแหน่งมรรคนายกวัดสุทธิวราราม เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ.2451 สืบแทนมารดาที่ถึงแก่กรรมไป (ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 25 ลงวันที่ 16 สิงหาคม 127 หน้า 585) (หมายเหตุ พระศิริศาสตร์ประสิทธิ์ (สุหร่าย วัชราภัย) ภายหลังเป็นพระยาพิจารณาปฤชามาตย์มานวธรรมศาสตร์สุปฤชา)
เมื่อสิ้นท่านปั้น ลูกๆของท่านได้ผู้อุปถัมภ์และทำนุบำรุงวัดสุทธิวรารามต่อมา จนถึงรุ่นหลานของท่านปั้น คือ เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ (จิตร ณ สงขลา) บุตรของท่านเชื้อ ณ สงขลาและพระอนันตสมบัติ (เอม) ก็ได้สืบทอดเจตนารมณ์นี้ ดังปรากฎข้อความในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพเจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศตอนหนึ่งว่า “........เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศยึดมั่นในพระพุทธศาสนา ท่านได้บริจาคเงินให้ปฏิสังขรณ์และบำรุงวัดหลายแห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดสุทธิวราราม ซึ่งเป็นวัดที่สร้างโดยท่านผู้หญิงสุทธิ์ ภรรยาเจ้าพระยาวิเชียรคีรี (เม่น) ที่ตำบลยานนาวา กรุงเทพฯ วัดนี้ท่านเชื้อมารดาของท่านได้มีส่วนช่วยเหลือปฏิสังขรณ์โบสถ์ขนานใหญ่ มีการรื้อหลังคาและซ่อมดัดแปลงใหม่ทั้งหมด สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ซึ่งแต่ก่อนไม่มี และสร้างกุฎิสงฆ์ ตลอดจนสร้างรั้วหน้าวัดใหม่อย่างถาวรด้วย เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศและพระยามานวราชเสวี จึงถือว่าเป็นวัดของตระกูลและให้การช่วยเหลืออยู่เสมอมาตราบเท่าทุกวันนี้............”
ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงเห็นว่าวัดสุทธิวรารามเป็นวัดที่เหมาะสมแก่การจัดทำบุญ ครบ 100 ปี วันพระราชทานนามสกุล ณ สงขลา โดยมี พิธีสงฆ์เริ่มขึ้นในเวลาประมาณ 10.30 น. โดยพลเอกปานเทพ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นประธานจุดธูปเทียนหน้าพระพุทธรูป ตัวแทนตระกูล ณ สงขลาถวายตาลปัตรและย่าม ซึ่งจัดทำขึ้นในโอกาส 100 ปีพระราชทานนามสกุล ณ สงขลาแด่พระสงฆ์ พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ ญาติ ณ สงขลาถวายภัตตาหารเพล และจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ และทำพิธีกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษของตระกูล ตั้งแต่พระยาสุวรรณคีรีสมบัติ (เหยี่ยง) ต้นสกุล ณ สงขลา และเจ้าเมืองสงขลาในสกุล ณ สงขลา และญาติ ณ สงขลาที่ล่วงลับไปแล้วทุกท่าน หลังจากพิธีสงฆ์ ญาติๆ ณ สงขลาทุกสายสกุลรับประทานอาหารร่วมกัน จนถึงเวลาประมาณ 13.30 น. เป็นอันเสร็จพิธี
3. บัญชีรับจ่ายและรายชื่อผู้บริจาคเงินและอาหารงานทำบุญ 100 ปีวันพระราชทานนามสกุล ณ สงขลา เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 ณ วัดสุทธิวราราม จัดทำโดยคุณณัฐ จารุจินดา เหรัญญิกชมรมสายสกุล ณ สงขลา
3.1 รายรับ เงินบริจาคจากญาติ (คลิ๊กดูรายละเอียดจากเอกสารแนบ) 148,800.00
3.2 รายจ่าย
ค่าอาหารจัดเลี้ยง | 46,000.00 |
ค่าข้าวมันไก่ | 7,000.00 |
ค่าขนมเบื้อง | 4,000.00 |
ค่าไอศกรีม | 3,200.00 |
ค่าน้ำดื่มและน้ำแข็ง | 3,000.00 |
ค่าดอกไม้ | 3,000.00 |
ค่าเครื่องไทยทาน | 4,500.00 |
ค่าตาลปัตรและย่ามที่ระลึก 10 ชุด | 22,500.00 |
เงินปัจจัยถวายพระ 10 รูป | 5,500.00 |
เงินปัจจัยถวายพระ 19 รูป | 3,800.00 |
เงินรางวัลให้เจ้าหน้าที่วัด 4 คน | 1,200.00 |
เงินรางวัลให้นักเรียนช่วยงาน | 3,100.00 |
เงินรางวัลให้นักเรียนช่วยงานบรรเลงดนตรี | 2,400.00 |
ค่าถ่ายภาพ | 3,000.00 |
รวมค่าใช้จ่าย | 112,200.00 |
เงินคงเหลือ | 36,600.00 |
ผมขอถือโอกาสนี้ ขอบพระคุณญาติๆ ทุกท่านที่บริจาคเงิน สิ่งของ อาหาร รวมทั้งท่านที่ได้เสียสละเวลา แรงกายแรงใจ ในการทำบุญครั้งนี้ หากรายชื่อผู้บริจาคท่านใดตกหล่น ผมกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ และกรุณาแจ้งให้ผมทราบ เพื่อจะได้นำลงในหนังสือเวียนฉบับหน้าด้วย จะขอบพระคุณมากครับ
4. ข่าวสังคม ณ สงขลา..........
- สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชทานเพลิง ท่านผู้หญิงชวนชื่น หุตะสิงห์ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินททราวาส เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ.2556 มีญาติ ณ สงขลาไปร่วมในพิธีนี้หลายท่าน ท่านผู้หญิงชวนชื่น ถือได้ว่าเป็นญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพของเราท่านหนึ่ง.......
- ได้เห็นญาติผู้ใหญ่ของตระกูลไปร่วมทำบุญ 100 ปีวันพระราชทานนามสกุล ณ สงขลาที่วัดสุทธิวรารามหลายท่าน เช่น คุณป้าภิรมย์ วณิกกุล คุณป้าผกา ณ สงขลา ดร.ชำนาญ-ดร.วัฒนา ณ สงขลา คุณลุงศิริ อินทร ศ.กิตติคุณ เติมศักดิ์-คุณอาสายจิตร กฤษณามระ คุณอากรรติกา ณ สงขลา อาจารย์ปาหนัน บุญ-หลง คุณมัณฑนา เชิดวิศวพันธ์ เจ้าศรีรัตน์ ณ ลำปาง ดร.ม.ล.ปริยา นวรัตน์ คุณจุมพล ณ สงขลา พลเอกปานเทพ-คุณหญิงอัจฉรา ภูวนารถนุรักษ์ คุณประยูร-คุณพิศมัย ณ สงขลา เป็นต้น ทำให้ลูกหลานในสกุล ณ สงขลามีความสุข อบอุ่นและดีใจเป็นอย่างมาก ที่เห็นทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรงและสดชื่น ขอให้แข็งแรงอย่างนี้ตลอดไปนะครับ.......
- ในวันทำบุญ 100 ปีพระราชทานนามสกุล นอกจากทุกคนจะอิ่มบุญกันถ้วนหน้าแล้ว ทุกคนยังอิ่มท้องด้วยอาหารอร่อยๆ หลายรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาหารปักษ์ใต้ของพลตำรวจเอกสุนทร-คุณสุทธิมานส์ ซ้ายขวัญ ที่นำมาร่วมทำบุญและเลี้ยงญาติๆ.......
- แต่ที่ขาดไปคือข้าวยำปักษ์ใต้เลิศรสของคุณเนาวรัตน์ เข็มทอง เนื่องจากคุณเนาวรัตน์ต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ จึงไม่สะดวกที่จะมาทำบุญร่วมกับพวกเรา หายเมื่อไรจะมาโชว์ฝีมืออย่างแน่นอน ขอให้หายไวๆ นะครับ.......
- ข่าวที่ถือว่าเป็นเกียรติประวัติตระกูล ณ สงขลาอีกครั้งหนึ่งก็คือ เมื่อเร็วๆ นี้ มูลนิธิพิริยะ ไกรฤกษ์ ได้จัดเสวนาเรื่อง “ประวัติศาสตร์ศิลปะกับการจัดการทางวัฒนธรรม” โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ผู้อำนวยการศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และคุณบุญพิสิฐ ศรีหงส์ นิสิตปริญญาโท ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ในการนี้ ดร.พิริยะกล่าวว่า “การจัดการทางวัฒนธรรมได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากขึ้น และเป็นกระแสใหม่ในวงการศึกษา ที่เปิดสอนหลักสูตรนี้ในหลายสถาบัน เพราะก่อนหน้านี้ สังคมไม่มีการจัดการอย่างเป็นระบบ เพิ่งมาตระหนักถึงการบริหารจัดการวัฒนธรรมเมื่อ 20 ปีมานี้เอง” นับได้ว่า ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์เป็นผู้ผลักดันให้คนไทยหันมาสนใจระบบการจัดการทางวัฒนธรรมกันมากขึ้น และจะเป็นการวางรากฐานและแนวทางที่ดีให้แก่เยาวชนรุ่นหลังต่อไป เป็นความภาคภูมิใจของตระกูล ณ สงขลาครับ.......
- ขอแสดงความยินดีต่อ คุณขจรศักดิ์ ณ สงขลา บุตรชายคุณชัยยุทธ ณ สงขลา ที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2556 โดยได้รับรางวัลที่ 1 สองรายการ หวังว่าตระกูล ณ สงขลาจะมีนักแข่งรถระดับโลกในอนาคตอันใกล้นี้นะครับ.......
- อีกท่านหนึ่งที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ตระกูล ณ สงขลาไม่แพ้กันก็คือ คุณจุฑามาศ ณ สงขลา ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นนักพยากรณ์ชีวิตระดับแนวหน้าของเมืองไทย และมีชื่อเสียงโด่งดังไปในอีกหลายประเทศ รวมทั้งได้รับเชิญให้ไปเป็นพิธีกรในรายการทีวีที่เกี่ยวกับความงาม ธรรมะ และไขปัญหาชีวิตอีกหลายรายการ เพื่อชี้ทางออกให้แก่ผู้ฟัง ขอแสดงความยินดีด้วยครับ.......
- ข่าวเศร้า คุณแม่เสาวภา ณ สงขลา นภาพงศ์ และคุณกรุณา จารุจินดา ถึงแก่กรรม และได้ฌาปนกิจไปเรียบร้อยแล้ว ขอให้ผลบุญกุศลที่ท่านทั้งสองได้ทำไว้จงนำท่านไปสู่สุคติในสัมปรายภพด้วยเทอญ
สุดท้ายนี้ ผมขอเชิญชวนให้ลูกๆ ในสกุล ณ สงขลาทุกสายสกุล ได้แสดงความรักความกตัญญูต่อคุณแม่ของท่าน ในโอกาสวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2556 โดยเปิดโอกาสให้เดือนสิงหาคมเป็นเดือนที่ลูกๆ จะได้แสดงความรักและตอบแทนพระคุณแม่ผู้ให้กำเนิดและเสียสละทุกอย่างเพื่ออบรมเลี้ยงดูบุตรให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและเป็นคนดี ผมเชื่อว่าแม่ทุกคนจะดีใจและมีความสุขมาก ที่ได้เห็นลูกๆ มาแสดงความรักและความเอาใจใส่ ดังนั้น ขอให้ลูกทุกคนกลับไปกราบเท้าแม่ กอดแม่ ปรนนิบัติแม่ และบอกรักแม่ในวันแม่แห่งชาติปีนี้ โดยทั่วกัน ก่อนที่จะไม่มีคุณแม่ให้แสดงความรัก ปรนนิบัติและตอบแทนบุญคุณท่านนะครับ
พ่อแม่ก็แก่เฒ่า จำจากเจ้าอยู่ไม่นาน จะพบจะพ้องพาน เพียงเสี้ยววารของคืนวัน
ใจจริงไม่อยากจาก เพราะยังอยากเห็นลูกหลาน แต่ชีพมิทนทาน ย่อมร้าวรานสลายไป
ขอเถิดถ้าสงสาร อย่ากล่าวขานให้ช้ำใจ คนแก่ชะแรวัย คิดเผลอไผลไปแน่นอน
ไม่รักก็ไม่ว่า เพียงเมตตาช่วยอาทร ให้กินและให้นอน คลายทุกข์ผ่อนพอสุขใจ
เมื่อยามเจ้าโกรธขึ้ง ให้นึกถึงเมื่อเยาว์วัย ร้องไห้ยามป่วยไข้ ได้ใครเล่าเฝ้าปลอบโยน
เฝ้าเลี้ยงจนเติบใหญ่ แม้เหนื่อยกายก็ยอมทน หวังเพียงจะได้ผล เติบโตจนสง่างาม
ขอโทษถ้าทำผิด ขอให้คิดทุกทุกยาม ใจแท้มีแต่หวัง ติดตามช่วยและอวยชัย
ต้นไม้ที่ใกล้ฝั่ง มีหรือหวังอยู่นานได้ วันหนึ่งคงล้มไป ทิ้งฝั่งไว้ให้วังเวง
(ประพันธ์โดย อ.สุนทรเกตุ (อุไร บุณยเกตุ))
ด้วยความรักและเคารพ
เวคิน สุวรรณคีรี
ประธานกรรมการบริหารชมรมสายสกุล ณ สงขลา