หลวงจรูญบุรกิจ (จรูญ ณ สงขลา)


 family_honour014อดีตข้าหลวงประจำจังหวัดนราธิวาส สตูล ปัตตานี

ข้าหลวงทหารประจำรัฐไทรบุรี เปอร์ลิส (พ.ศ. ๒๔๘๕ – ๒๔๘๗)

หลวงจรูญบุรกิจเป็นบุตรของพระยาเพ็ชราภิบาลนฤเบศร์ (พ่วง ณ สงขลา) พระยาเมืองหนองจิก กับคุณหญิงแข เพ็ชราภิบาล (แข จันทโรจวงศ์) บุตรพระยาวรวุฒิวัย พระยาเมืองพัทลุง ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ๑๐ คน และพี่น้องต่างมารดาอีก ๕ – ๖ คน อาทิ สว่าง บุบผา สายหยุด ลมุล สุวรรณา แผ้ว จรัส สนิท เสนอ สนอง และสนาน

หลวงจรูญบุรกิจเป็นหลานปู่พระยาวิเชียรคีรี (ชุ่ม) ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาคนที่ ๗ เข้ารับราชการ ในสายปกครองและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความจงรักภักดี มีวิริยะอุตสาหะ จนได้รับแต่งตั้งเป็นข้าหลวงและ ผู้ว่าราชการเมืองในหลายพื้นที่ในจังหวัดทางใต้สุดของไทย สมกับที่ได้สืบสายเจ้าเมืองกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่บรรพบุรุษต้นตระกูล

 

หลวงจรูญบุรกิจในวัยเด็ก เริ่มเข้ารับการศึกษาที่เมืองหนองจิก ซึ่งเป็นเมืองพุทธเมืองเดียวในบรรดาบริเวณ ๗ หัวเมืองทางใต้ในสมัยรัชกาลที่ ๕ อันประกอบด้วย เมืองปัตตานี เมืองสายบุรี เมืองนรา เมืองระแงะ เมืองยะลา เมืองรามัญ และเมืองหนองจิก

เมื่ออายุ ๑๒ ปี พระยาเพ็ชราภิบาล ผู้เป็นบิดาได้ส่งไปเรียนที่สิงคโปร์ จนอายุได้ ๑๕ ปี จึงกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนราชวิทยาลัย และได้เรียนหนังสือที่เดียวกับตนกูยิหวา และตนกูอับดุลรอมาน อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่กรุงเทพฯ การที่ไปเรียนครั้งนี้ในฐานะบุตรพระยาเมืองหนองจิก ซึ่งมีศักดิ์ิ์เท่ากับลูกพระยาเมืองไทรบุรี (ตนกูยิหวา และตนกูอับดุลรอมาน) จนอายุ ๑๙ ปี จึงได้ไปเรียนต่อที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ หลวงจรูญเรียนอยู่ ๖ ปี เป็นเวลาเดียวกับที่ประเทศไทยเข้าร่วมกับสัมพันธมิตร อังกฤษ ฝรั่งเศส ประกาศสงครามกับเยอรมนี พ.ศ. ๒๔๖๑ และได้สมัครเป็นทหารนักบินไทยบินร่วมรบกับพันธมิตรจนเสร็จสงคราม  มีเลขประจำตัวนักบินกองทัพอากาศไทยเลขที่ ๗ หรือ ๑๗

หลวงจรูญเรียนจบด้านวิชาการปกครองแล้วกลับมารับราชการในกระทรวงมหาดไทย หลายตำแหน่ง ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นข้าหลวงประจำจังหวัดสตูล นราธิวาส ปัตตานี รัฐไทรบุรี รัฐเปอร์ลิส (ประเทศมาเลเซียในสงครามมหาเอเชียบูรพา) ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๘๒ – ๒๔๙๔

ในระหว่างดำรงตำแหน่งข้าหลวงประจำจังหวัดนราธิวาส มีโจรผู้ร้ายปล้นฆ่าราษฎร เป็นกำลังส่องสุมจำนวนนับร้อย หลวงจรูญออกเยี่ยมเพื่อดูแลทุกข์สุขราษฎรไทยอิสลามและไทยพุทธตลอดเวลา ต้องไปพักค้างในป่าเขาที่ห่างไกล จนปราบปรามผู้ร้ายได้สงบราบคาบ รวมทั้งเหตุการณ์เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๙๑ ซึ่งมีคนร้ายมาจากกลันตัน มาเลเซีย คุมสมัครพรรคพวก สอนวิชาต่อสู้ อาบน้ำมนต์ มีคาถาอาคมศักดิ์สิทธิ์ ที่อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ออกมาจำนวน ๓๐๐ – ๔๐๐ คน ซึ่งต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่อำเภอ ตำรวจ และทหาร ประมาณ ๒,๐๐๐ คน เข้าแก้ปัญหา หลวงจรูญได้เป็นกำลังสำคัญในการวางแผน และได้มีการปะทะกันอย่างรุนแรง ฝ่ายเจ้าหน้าที่เสียชีวิต ๗ นาย และฝ่ายคนร้ายที่เป็นหัวหน้าพร้อมพวกอีกประมาณ ๖๐ คน เสียชีวิตในที่ปะทะ และถูกจับกุมได้อีกเป็นจำนวนมาก จากเหตุการณ์ในครั้งนั้น ท่านได้ให้ข้อคิดไว้ว่า “ผู้ก่อการ ถูกยุยง แต่ประชาชนรักผู้ว่า นายอำเภอ ตำรวจ เขาจึงบอกให้เราทราบล่วงหน้า ทำให้งานเป็นผลสำเร็จ”

หลวงจรูญสอนลูกๆ ไว้ว่า การเป็นนักปกครอง เหนื่อยยาก ต้องดูแลทุกข์สุขชาวบ้านอย่างเขาเป็น พี่น้องเรา วันไหนเราย้ายหรือพ้นจากตำแหน่ง ถ้าได้เห็นน้ำตาเขาไหลรินด้วยความอาลัยรัก นั่นคือความสำเร็จของนักปกครองของกระทรวงมหาดไทย หลวงจรูญออกเยี่ยมเยียนราษฎรทุกแห่งหนที่ดำรงตำแหน่งข้าหลวงหรือผู้ว่าราชการจังหวัด บอกว่าได้ทำหน้าที่นี้ให้เป็นเกียรติยศแก่พ่อ พระยาเพ็ชราภิบาลนฤเบศร์ (พ่วง ณ สงขลา) แก่ปู่ พระยาวิเชียรคีรี (ชุ่ม ณ สงขลา) พระยาสงขลาคนที่ ๗ และแก่ต้นตระกูล ณ สงขลา พระยาสุวรรณคีรี  (เหยี่ยง แซ่เฮา) ทำงานถวายชีวิตแด่พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ในฐานะข้ารองพระบาทจนกว่าชีวิตจะหาไม่

หลวงจรูญบุรกิจทำงานรับใช้ชาติบ้านเมืองแผ่นดินเกิดด้วยความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ สุจริต ดูแลราษฎรดั่งเช่นพี่น้องลูกหลานมาตลอดจนสิ้นอายุขัยเมื่ออายุ ๖๒ ปี

ในด้านครอบครัว หลวงจรูญบุรกิจมีภรรยา ๔ คน และบุตร-ธิดารวม ๙ คน ได้แก่

(๑) นางแปลก ณ สงขลา มีบุตรชาย ๑ คน คือ นายพวงเวศ ณ สงขลา

(๒) นางผิว ณ สงขลา มีบุตร-ธิดา ๒ คน คือ นายจรัล ณ สงขลา และนางนงเยาว์ ณ นคร

(๓) นางลมัย ณ สงขลา มีบุตรชาย ๕ คน ได้แก่ นายเจริญจิตต์ นายเจริญใจ นายเจริญสุข  นายเจริญศักดิ์ และนายเจริญลาภ ณ สงขลา

(๔) นางหวาน ณ สงขลา มีธิดา ๑ คน คือ นางจำเรียง ณ สงขลา

ข้อมูลและภาพถ่าย จาก “ความทรงจำที่คุณพ่อเล่าให้ฟัง” โดย คุณเจริญจิตต์ ณ สงขลา

Back to Top