เรื่องเล่าจากบ้านคุณสุเทพ ณ สงขลา

#เล่าเรื่องจากบ้าน คุณสุเทพ ณ สงขลา ตอนที่ 1 - วัยเรียน

วันนี้ กทม. ฝนตกทั้งวัน เรามาฟังเรื่องเล่าจากบ้าน ณ สงขลากันดีกว่าครับ เรื่องเล่าวันนี้มาไกล คือมาจากจังหวัดพังงา เป็นเรื่องเล่าที่คุณลุงสุเทพ ณ สงขลา บุตรพระยาอภิรักษ์ราชอุทยาน (ฑิต ณ สงขลา) กับคุณหญิงลิ้ม ณ สงขลา ได้เล่าให้ผมฟังในสมัยที่คุณลุงสุเทพยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งในขณะนั้นผมเป็นประธานรวมญาติ ณ สงขลา ก่อนที่จะมาเป็นประธานชมรมสายสกุล ณ สงขลา และได้ออกหนังสือเวียนเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวของตระกูลให้ญาติ ๆ ทราบ เมื่อคุณลุงสุเทพได้รับจดหมายเวียน 1-2 ฉบับ คุณลุงก็เริ่มเขียนจดหมายถึงผม ฉบับแรกเมื่อวันที่ 12 มี.ค. 2551 คุณลุงบอกว่า คุณลุงอายุ 93 ปีแล้ว และขอบคุณที่ส่งจดหมายเวียนไปให้ รวมทั้งได้ให้กำลังใจและอวยพรให้ผมประสบความสําเร็จในการทำหน้าที่ประธานรวมญาติ ณ สงขลา นี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมรู้จักคุณลุงสุเทพ หลังจากนั้นเราก็ได้ติดต่อพูดคุยกันเรื่อยมา อีกทั้งเมื่อผมได้มาทำกิจกรรมของตระกูลร่วมกับลูก ๆ หลาน ๆ ของคุณลุงอีกหลายครั้ง จนทำให้พวกเรามีความสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น คุณลุงสุเทพถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2556ในการเล่าวันนี้ ผมได้ปรึกษาคุณทิพวรรณ (ณ สงขลา) เจียระกิจ บุตรสาวคนโตของคุณลุง ซึ่งคุณทิพวรรณได้กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์อย่างมาก ผมขอขอบพระคุณคุณทิพวรรณเป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้ด้วย และผมจะพยายามคงถ้อยคำสำนวนของคุณลุงไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่อาจจะมีการแก้ไขเพิ่มเติมบ้างในบางตอนเพื่อความเหมาะสม



คุณลุงเล่าว่า โรงเรียนแห่งแรกที่เจ้าคุณพ่อส่งให้เข้าเรียนคือโรงเรียนเทพศิรินทร์ ในสมัยที่ครูบาอาจารย์ยังนุ่งผ้าม่วง สวมเสื้อนอกกระดุม 5 เม็ด อาจารย์ใหญ่คือ พระยาจรัลชวะนะเพท (ชุ่ม กสิผลิน) ต่อมาเมื่อเลื่อนขึ้นไปเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 อาจารย์ใหญ่เปลี่ยนเป็น คุณพระดรุณพยุหะรักษ์ (ซึ่งจบมาจากประเทศอังกฤษ) โรงเรียนเทพศิรินทร์ในสมัยนั้นมีลูกเจ้าขุนมูลนายมาก ระดับชั้นเจ้าชายในชั้น
ม. 1 มีถึง 7 พระองค์ แต่ที่สนิทกับคุณลุงมากที่สุดมีอยู่พระองค์เดียวคือ
พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือ พระองค์ชายพีระแห่งวังบูรพาภิรมย์ ซึ่งภายหลังได้กลายเป็น “นักขับรถแข่งบันลือโลก” หรือ “เจ้าชายนักแข่งรถแห่งสยาม” หรือ “เจ้าดาราทอง” เพราะพระองค์ชายพีระทรงชนะเลิศการแข่งรถกรังด์ปรีซ์ในยุโรปหลายครั้ง จนได้รับพระราชทานรางวัล “เหรียญดาราทอง” จากกษัตริย์อังกฤษ 3 ปีซ้อน นั่นแหละ ที่คุณลุงสนิทกับท่านมากก็เพราะพระองค์ชายพีระทรงสอบไล่ได้ที่ 1 ทุกปี มีสิทธิ์ประทับนั่งบนเก้าอี้หมุนเหมือนช่างตัดผมหน้าห้อง และคุณลุงก็นั่งหลังท่านมาทุกปี จึงทำให้ได้รับรู้ถึงการกินอยู่ของเจ้านายชั้นสูงฝ่ายในรั้วในวังหลายอย่าง พวกเราคนธรรมดาตอนพักเที่ยง กินอาหารกลางวันไม่ถึง 10 สตางค์ คือข้าวราดแกงกะหรี่ชามพูน 5 สตางค์ น้ำแข็งกดยาวตั้งคืบอีก 2 สตางค์ ก็อิ่มแล้ว ส่วนพระองค์ชายพีระได้รับอนุญาตพิเศษให้นั่งเสวยในห้องปิงปอง ก่อนเที่ยงเล็กน้อยสาวใช้จะนำปิ่นโตห่อด้วยผ้าขาวผูกเชือกประทับตราครั่งมาจากวังอย่างมิดชิด พระองค์ชายพีระคงจะเบื่อหน่ายของหวานจากในวัง ซึ่งเป็นของดีจากเมืองนอกทั้งนั้น ท่านจึงกระซิบให้คุณลุงแอบซื้อมะม่วงดอง ลูกนี้ ลูกไหนดอง ฯลฯ จากในเมืองที่คนจีนนำมาขายที่หลังวัดมาแลกกับช๊อคโกแลท ขนมปังหีบแพง ๆ จากเมืองนอก จึงทำให้คุณลุงได้รับประทานขนมดี ๆ แพง ๆ แทบทุกวัน

พระองค์ชายพีระได้ทรงลาออกจากโรงเรียนเทพศิรินทร์เพื่อไปเรียนต่อเมืองนอกในขณะที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ส่วนคุณลุงก็ย้ายไปเรียนที่โรงเรียน Bangkok School of English ที่สี่พระยาซึ่งสอนเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ตามความประสงค์ของเจ้าคุณพ่อ อาจารย์คือ สเตฟฟิน มินประพาฬ จนจบชั้น Advance Stage

จบตอนที่ 1 โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 2 - “จี้ทองคำ “จปร” พระราชทาน”

เครดิต: ดร.เวคิน สุวรรณคีรี

Back to Top